วันนี้เราจะมาเป็นแบบสาระกันบ้างนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าบล้อคของผมมีแต่อะไรก็ไม่รูู้ ไม่มีสาระ อิอิ วันนี้เราจะมาดูกันสิว่าแบรนด์เนี่ย ประกอบมาจากอะไรบ้าง และผมจะอธิบายตัวอย่างง่ายๆ ให้ดู เพื่อเพิ่มความเข้าใจนะครับ
องค์ประกอบของแบรนด์* ประกอบไปด้วย 4 ส่วน ดังนี้
1.Attribute : รูปร่างหน้าตาภายนอกที่ทำให้เราจดจำได้ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ สีสรรค์ บรรจุภัณฑ์ หีบห่อ ป้ายโฆษณา เอกสารประชาสัมพันธ์ อะไรก็ตามที่มีลักษณะ ทางกายภาพ เห็นแล้วรู้เลยว่าแบรนด์นั้น
ที่มาของภาพ www.toysmile.com |
จากรูปด้านบน Kitty กลายเป็นแบรนด์ที่มีความเข้มแข็งมากหนึ่งแบรนด์ ไม่ว่าจะไปทั่วทุกมุมโลกไหน เจ้าแมวน้อยสีชมพูนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ทุกยุคทุกวัย ตั้งแต่เด็กยันแก่เลยก็ว่าได้
2. Benefit คุณประโยชน์ของแบรนด์ สิ่งที่เราได้รับอย่างแท้จริงจากแบรนด์นั้นๆ อย่างเช่น Namthip เป็นแบรนด์ที่่มีสินค้าเป็นน้ำ ประโยชน์ที่เราได้รับจากแบรนด์นี้คือ การดับกระหาย สร้างความชุ่มชื่น แก้เหนื่อย Dapper เป็นแบรนด์ที่ขายสินค้าประเภทเครื่องหนัง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า กระเป๋า เข็มขัด พวงกุญแจ คุณประโยชน์จากตราสินค้านี้ก็คือ การใช้อุปโภค เพื่อใส่เดิน (สำหรับรองเท้า) ใส่ของ (สำหรับกระเป๋า) เป็นต้น
ที่มาของภาพ www.sabuyta.com
สำหรับแว่นตายี่ห้อ Ray Ban ถึงจะมีการออกแบบมาให้มีความสวยงาม เพียงใด หรือมีรูปทรงโฉบเฉี่ยว ขนาดไหนก็ตามแต่ ประโยชน์ของมันจริงๆ แล้วแค่เพื่อกันแสงแดดมาทำร้ายดวงตาเพียงเท่านั้น
3. Value สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าใช้แบรนด์นี้แล้วภูมิใจ หรืออาจเรียกว่า "คุณค่าของแบรนด์" โดยทั่วไปแล้วสินค้าหรือบริการ ทั่วไปมักมีแบรนด์กำหนดถึงคุณลักษณะของตราสินค้านั้นๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สินค้าระดับบนๆกาแฟแบลคแคนยอน (Black Canyon) ชาเขียวฟูจิชะ (Fujicha) ไปยันสินค้าระดับล่าง ไม่ว่าจะเป็น ร้านตัดผมป้ารวย หรือข้าวโพดคั่วเจ๊แมว สินค้าหรือบริการต่างก็มีแบรนด์เป็นของตนเองทั้งนั้น แต่แบรนด์ที่มีสิ่งที่เรียกว่า "คุณค่า" จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความภูมิใจที่ใด้บริโภค และเป็นที่มาของราคาสูงส่ง หรือความโก้ เก๋ หรือเซาะกราว ตามมา เช่น รองเท้าแตะยี่ห้อ ช้างดาว (ต้องขออภัยที่นำมาเปรียบเปรย ณ ที่นี้ด้วยครับ) เป็นสินค้าระดับ รากหญ้ามาจนถึงระดับกลาง ทั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของแบรนด์นะครับ แต่เป็นการวาง Brand Position เอาไว้ที่ระดับนี้ ซึ่งคุณ (อาจ) จะไม่เคยเห็น อั้ม พัชราภา หรือ นิชคุณใส่รองเท้านี้เดินเล่นที่ ห้าง เอ็มโพเรี่ยมอย่างแน่แท้ แต่สำหรับ น้องก๊อย แถวบ้าน อาจจะเจอที่บิ๊กซี โลตัสก็เป็นได้ แต่สำหรับรองเท้าแตะยี่ห้อ Fitflop (ดูยังไง ราคาก็ไม่น่าเป็นรองเท้าแตะเลย) เป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพ ที่โด่งดังมาจากแดนไกล Brand Position คือระดับกลางค่อนไปทางสูง ไปจนระดับสูงเลยทีเดียว ซึ่งคุณคงเคยเห็นสาวไฮโซ เดินลากอีแตะยี่ห้อนี้ เดินที่สยาม หรือ มาบุญครองอย่างแน่นอน ทำไมรองเท้ายี่ห้อหลังถึงราคาสูงและคนดังใส่กันหละ เพราะว่า รองเท้าคู่นี้ได้การรับรองว่าดีต่อสุขภาพ เข่า หลัง และเท้า ซึ่งคนที่ใส่ยอมที่จะจ่ายราคาสูง เพื่อที่จะให้ได้สุขภาพดังกล่าว มาเป็นของตัวเอง มิหนำซ้ำยังสามารถเอาไปโชว์เพื่อน สก๊อย ได้อีกด้วยว่า นี่ !!! กรูไฮโซ ป่ะหล่ะ (ขอสงวนสิทธิ์สำหรับของปลอมไว้นิดนะครับ)
4. Personality หรือ บุคลิกภาพของตราสินค้า คุณอาจไม่เชื่อว่าแบรนด์เองก็มีบุคลิกภาพเช่นเดียวกับมนุษย์เช่นเดียวกัน คุณลองหลับตาแล้วคิดถึง แป้งตรางูดูนะครับ แค่คิดถึง คุณก็สามารถอธิบายได้ทันทีถึง สินค้าแป้งตรางู ว่า เย็นเหมือนอยู่ขั้วโลก กลิ่นที่ใครก็ต้องจำได้ และ กระป๋องที่ ไม่มีใคร(กล้า)เหมือน ลองอีกตัวอย่างนะครับ ลองหลับตาแล้วคิดถึงรถยี่ห้อ Mercedes ดูครับ ถ้าอยากให้ชัดเจน ต้องเป็๋น Series CLK หรือ SLK ตราสินค้า Mercedes หรือคนไทยเรียกติดปากว่า Benz ไปแล้ว สามารถชี้ชัดถึงกลุ่ม ระดับ ของลูกค้าได้อย่างชัดเจน คือ รวย รวย และ รวย ซึ่ง คงไม่มีใครคนไหนซื้อ Benz มาแล้วติดแก๊ซ หรอกครับ ยิ่งเป็นรุ่นที่ผมบอกข้างต้น เนื่องจากราคาแพงหูฉี่ เห็นไม๊หละครับ แค่แบรนด์ยังบอกเราได้ขนาดนี้ แบรนด์จึงมีบุคลิกภาพของแต่ละตราสินค้า ตาม Brand Position หรือ Brand Awareness หรือ การรับรู้ต่อตราสินค้า ได้อย่างชัดเจนเลยหละครับ
คุยเรื่องแบรนด์มาสักพักแล้วถ้าไม่หยิบเอาเจ้านี่มาคุยสักหน่อยคงอกแตกตาย เจ้ากระดานชนวน อันนี้ สามารถบ่งบอกถึง ความทันสมัย โลกของธุรกิจและบันเทิง โลกของการแข่งขัน และยังบอกอีกว่า มีระดับ เนื่องจากปัจจุบัน มี Taplet มากมายหลายยี่ห้อ ออกมา แต่ Ipad ก็ยังคงเป็นเจ้าตลาดอยู่เนื่องจาก ลักษณะเด่นของมัน และความแข็งแกร่งของแบรนด์นี่แหละครับ
เอาหละครับ เราก็พอทราบ เรื่องส่วนประกอบหลักๆ ของแบรนด์ ไปบ้างแล้ว เห็นไม๊ครับ จริงๆ แบรนด์เนี่ย ถูกสอดแทรกอยู่กับสินค้าและบริการ ทุกๆ อย่างรอบตัวเราเลย เพียงแต่เราไม่ได้สนใจมันอย่างแท้จริงเท่านั้นเอง
สำหรับสัปดาห์หน้าอาจจะมาเขียนในวันอาทิตย์ หรือจันทร์เลยนะครับ เนื่องจาก ติดภารกิจ ไปตจว สำหรับอาทิตย์หน้าเราจะมาคุยกันในเรื่อง การสร้างตราสินค้า Brand Building กัน สำหรับวันนี้ ขอลาไปก่อนนนนนจ้าา
ปล * (บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์, บทบาทและความสำคัญของตราสินค้า, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย)
มาร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ สำหรับผู้สนใจ
ตอบลบ